วันศุกร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ขุนพันธรักษ์ราชเดช

ประวัติโดยย่อของ ขุนพันธรักษ์ราชเดช

                   พลตำรวจ ตรี ขุนพันธรักษ์ราชเดช อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธร เขต 8 เป็นนายตำรวจชาวเมืองนครศรีธรรมราช ที่ได้สร้างเกียรติประวัติในตำแหน่งหน้าที่ จนเป็นที่รู้จักและยอมรับกันทั่วไปในภาคใต้ และในจังหวัดอื่นๆ ที่ท่านไปดำรงตำแหน่งอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝีมือในการปราบปรามโจรผู้ร้าย นอกจากนั้นท่านยังเป็นผู้สนใจวิชาการทั่วไป โดยสนใจทางด้านประวัติศาสตร์คติชนวิทยาและไสยศาสตร์เป็นพิเศษ มีข้อเขียนปรากฏอยู่ในหนังสือ และวารสารต่างๆ หลายเรื่อง ปัจจุบันคนทั่วไปนิยมเรียกท่านสั้นๆ ว่า " ท่านขุน "

                   ที่จังหวัดพิจิตร ท่านขุนพันธ์ ท่านได้เครื่องรางของขลังไปจำนวนหลายอย่างด้วยกัน และ หนึ่งในจำนวนเครื่องรางของขลังที่น่าสนใจอีกอย่างนั่นก็คือ ดาบเหล็กน้ำพี้ ที่ได้สร้างชื่อเสียงให้แด่ท่านขุนพันธ์ เป็นอย่างมาก จนได้รับฉายาว่า มือปราบดาบแดง เรื่องราวความเป็นมาของดาบแดงนี้ มีความน่าสนใจมาก ลองเข้ามาติดตามข้อมูลที่น่าสนใจนี้ กันดูซิคะ ว่าดาบเล่มนี้ มีความเป็นมาอย่างไรบ้าง...
ประเด็นที่น่าสนใจ ของดาบแดงหรือดาบเหล็กน้ำพี้ เล่มนี้ ที่ชวนติดตามคือ
ประการแรก ดาบเล่มนี้เป็นของพระยาพิชัยหรือไม่

ประการที่สองเป็นดาบคู่ที่ใช้รบ หรือดาบเดี่ยวที่ใช้ถือ

ประการที่สาม ใครเป็นผู้ปลุกเสกและลงอาคมในดาบ

ประการที่สี่ ท่านขุนพันธ์ ท่านได้รับดาบเล่มนี้มาจากใคร และมีจำนวน กี่เล่มกันแน่

และประการสุดท้าย เจาะลึกเรื่องเหล็กน้ำพี้ มีพลังอำนาจเร้นลับ ในการนำมาสร้างดาบ อย่างไรบ้าง

ที่มาของการเรียกดาบเหล็กน้ำพี้ นี้ว่าดาบแดง มาจากการที่ท่านขุนพันธ์เห็นว่าดาบเหล็กน้ำพี้ เป็นดาบศักดิ์สิทธิ์ จึงนำผ้าแดง มาเย็บเป็นถุง หรือซองผ้า สวมทับดาบ ไว้อีกชั้น 

             หากไม่จำเป็นท่านก็จะไม่นำดาบออกมาจากซองผ้าสีแดง อีกทั้งเป็นการป้องกันสิ่งสกปรก ที่ไม่ควรให้เกิดแก่ดาบอาคม ซึ่งท่านอาจจะเผลอเรอ นำไปวางไว้ที่ใดที่หนึ่ง โดยไม่ตั้งใจ
สาเหตุที่ใช้ผ้าสีแดงนั้น มีผู้รู้ได้อธิบายไว้ว่า หากเราต้องการเพิ่มความเข้มขลัง ให้กับเครื่องรางของขลัง
          ตามตำราในอาถรรพเวท ของอินเดียโบราณจะใช้ผ้าสีแดงเป็นหลัก อาจจะใช้สีขาวบ้าง สุดแท้แต่ว่าเครื่องราง ของขลังนั้นจะเป็นอะไร เราจะเห็นว่า แม้แต่ผ้ายันต์ หรือเสื้อยันต์ก็นิยม ใช้ผ้าสีแดง

             สำหรับผ้าสีเหลือง ที่นิยมนำมาใช้ในตอนหลังนั้น น่าจะมาจาก ความเชื่อตามคตินิยม ของชาวพุทธที่ว่าสีเหลือง เป็นสีของธงชัยพระอรหันต์

            สำหรับประเด็นแรกที่ว่า ดาบแดงนี้ เป็นดาบ ของพระยาพิชัยดาบหักหรือไม่ ..เรื่อง นี้ มีผู้ตั้งข้อสังเกตุว่า จากข้อมูลที่ตรงกัน ท่านขุนพันธ์ ได้ให้สัมภาษณ์กับบุคคลหลายท่านว่า ดาบนี้เป็นดาบ ที่ท่านได้รับมาจาก หลวงกล้า กลางณรงค์ ที่เดินทางมารับราชการที่พิจิตร ในสมัยเดียวกับท่านขุนพันธ์

โดยท่านขุนพันธ์ ได้ฝากตัวเป็นบุตรบุญธรรมกับหลวงกล้า กลางณรงค์
ก่อนที่หลวงกล้า ท่านจะมอบดาบแดง หรือดาบเหล็กน้ำพี้ ซึ่งเป็นดาบประจำตระกูล เล่มนี้ ให้กับท่านขุนพันธ์ไว้เป็นที่ระลึก ซึ่งตามธรรมเนียมโบราณหากใครเป็นลูกบุญธรรม ผู้เป็นพ่อก็จะมอบของสำคัญของตน ตามความเหมาะสม ของฐานะ ของผู้ให้ และผู้รับ
          และจากการสืบข้อมูล หลวงกล้า กลางณรงค์ผู้นี้ ท่านเป็นผู้สืบเชื้อสาย มาจากต้นตระกูล ของพระยาพิชัยดาบหัก จังหวัดอุตรรดิตถ์
โดยมีตระกูลเดิมว่า วิชัยขัขันทคะ

ซึ่งเป็นนามสกุลที่ได้รับพระราชทานจากรัชกาลที่6 ที่พระราชทานให้กับ ผู้ที่สืบเชื้อสาย ของพระยาพิชัย
หากเป็นดังนี้จริง ดาบแดงก็น่าจะเป็นดาบของพระยาพิชัยดาบหัก แน่นอน

          ประเด็นที่สองที่ว่า ดาบแดงเป็นดาบคู่ หรือดาบเดี่ยว จากข้อมูลที่สืบค้นจากจังหวัดพิจิตร และมีบุคคลยืนยันว่าดาบแดงเล่มนี้ เป็นดาบเหล็กน้ำพี้จริง แต่เป็นดาบเดี่ยว หรือดาบเล่มเดียวเท่านั้น ไม่ใช่ดาบคู่ อย่างที่เข้าใจกัน
         ดาบเหล็กน้ำพี้ของแท้นั้นจะไม่เป็น สนิมง่าย และถ้าจะให้ดี ต้องใช้ดาบสะกิด ดื่มเลือดผู้ที่เป็นเจ้าของก่อน เป็นเคล็ดที่ทำให้ดาบ มีความเข้มขลัง เมื่อออกศึกมามากเท่าใด ก็จะทำให้สีของดาบ มีสีเข้มข้นมากขึ้นเท่านั้น เป็นสีเขียวคล้ำ คมวาว เป็นสีน้ำตาลอมดำฝังแน่น บาง ทีเรียกว่าสีปีกแมลงทับ ใครที่จับดาบน้ำพี้แล้วจะฮึกเหิม อยากจะใช้งาน หรือออกศึกเป็นอาวุธที่ทรงพลังมากแม้แต่ นักรบของอยุธยาก็ยังใฝ่หาดาบที่สร้างจากเหล็กน้ำพี้ เพราะไม่เพียงใช้เป็นอาวุธ ยังสามารถ ใช้เป็นเครื่องรางได้ด้วย
         หากเวลามีภัยมาถึงตัว ดาบจะสั่น หรือบางทีขยับ เลื่อนออกจากฝัก บอกให้เจ้าของรู้ตัว การตีดาบ ต้องกระทำกลางแจ้ง และเนื่องจากอณูมวลสาร ของดาบเหล็กน้ำพี้โดยธรรมชาติ จะขยับหนี หรือแยกตัวออกในขณะที่โดนความร้อน ดังนั้นผู้ตีดาบ จึงต้องมีคาถาอาคมกำกับ มิฉะนั้นจะตีดาบ ทำดาบไม่สำเร็จ

       ประการสำคัญบ้างก็ว่าดาบเหล็กน้ำพี้ของพ่อหลิม หรือเสือไท ได้มอบให้แก่ลูกศิษย์คนสำคัญคนหนึ่งไปแล้ว แต่จะเป็นท่านขุนพันธ์หรือไม่ไม่มีใครทราบ

จึงทำให้ยังไม่แน่ใจด้วยว่าดาบของท่านขุนพันธ์นี้เป็นของหลวงกล้ากลางณรงค์ หรือ พ่อหลิมอาจารญของท่านขุนพันธ์กันแน่

               และประการสุดท้าย ใครเป็นผู้ปลุกเสกดาบลงอาคมให้ท่านขุนพันธ์ ในสมัยที่อยู่ที่จังหวัดพิจิตร หลวงตาแวว ลูกศิษ์ ก้นกุฎิ ของหลวงปู่ศุข ท่านเป็นผู้ปลุกเสกเครื่องรางของขลังต่างๆ ให้แด่ท่านขุนพันธ์

               แต่คุณฉันทิพย์ ลูกสาวของท่านขุนพันธ์ ได้เล่าไว้ว่า สมัยที่ท่านขุนพันธ์ท่านมีชีวิตอยู่ ท่านเล่าไว้ว่า ท่านผู้ที่ปลุกเสกดาบให้ท่านขุนพันธ์ คือ พระสงฆ์รูปหนึ่ง ซึ่งมีศักดิ์เป็นญาติผู้น้อง ของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า

               ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ ดาบเหล็กน้ำพี้ ซึ่ง เข้าใจว่าน่าจะเป็นดาบของพระยาพิชัยนี้ ก็จะได้ผ่านการปลุกเสกมาถึงสองครั้ง จากสองเกจิอาจารย์ ผู้เป็นลูกศิษย์ ของหลวงปู่ศุขดังที่กล่าวมาแล้ว ซึ่งไม่ใช่การปลุกเสกของหลวงปู่ศุขเองแน่นอน เพราะท่านได้มรณะภาพไปก่อน นานแล้ว..


จมื่นไวยวรนารถ, pigrock

http://www.infoforthai.com/forum/topic/11103

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น